ยุทธศาสตร์ในการทำธุรกิจเครือข่าย MLM

แบ่งปัน ..

..

ข้อที่ 1 เรื่องของวิสัยทัศน์ (Vision)

คน ที่จะประสบความสำเร็จในธุรกิจ MLM จะต้องเข้าใจและมองเห็นพลังที่แท้จริงในธุรกิจนี้ คนที่ยังยึดติดกับรูปแบบธุรกิจอย่างเป็นทางการตามกรอบของธุรกิจทั่วไปไม่มี ทางมองเห็นได้ว่าธุรกิจเครือข่าย MLM นี้จะสามารถสร้างความมั่งคั่งร่ำรวยให้กับเขาได้อย่างไร เพราะรูปแบบการทำธุรกิจ MLM นั้นมันแตกต่างอย่างสินเชิง และจะถือว่าธุรกิจนี้เป็น กิจการส่วนตัวเขาได้อย่างไร เพราะธุรกิจนี้เป็นธุรกิจที่ไม่มีหน้าร้าน ไม่ต้องมีสำนักงาน ไม่ต้องมีลูกจ้างหรือพนักงาน ซึ่งมันค่อนข้างที่จะขัดกับความรู้สึกและความเคยชินของคนโดยทั่วไป
ธุรกิจ MLM เป็นธุรกิจที่เรียบง่าย ซึ่งความเรียบง่ายของมันทำให้หลายคนไม่รู้ซึ้งถึงพลังและความยิ่งใหญ่ที่ ซ่อนอยู่ในความเรียบง่ายนั้น แต่สำหรับคนที่รู้ซึ้งและมีวิสัยทัศน์ในธุรกิจ นี้เป็นอย่างดีแล้วก้มหน้าก้มตาทำไป ในระยะเวลาที่เหมาะสมช่วงเวลาหนึ่ง ล้วนประสบความสำเร็จ มั่งคั่งร่ำรวย เป็นเศรษฐีกันไปหลายคน แต่ส่วนมากจะไปไม่ถึง เพราะท้อและเลิกล้มไปเสียก่อน

ดังนั้นผู้ที่จะประสบความสำเร็จในธุรกิจเครือข่าย จะต้องสามารถหลับตาแล้ว เห็นภาพที่เป็นพลังและความยิ่งใหญ่ ซึ่งซ่อนอยู่ในความเรียบง่าย ซึ่งต้องอาศัยความใจกว้าง ไม่ยึดติด อ่อนน้อมถ่อมตนที่จะศึกษาเรียนรู้ และให้โอกาสกับตนเองในการลองทำสิ่งใหม่ที่อาจจะไม่เคยชิน

ข้อที่ 2 ภารกิจ (Mission)

ความจริงแล้วหน้าที่ของมนุษย์ MLM นั้นหลัก ๆ อยู่ไม่กี่ข้อ ส่วนวิธีการนั้นก็แตกต่างกันไป ดังนี้

1. การใช้ผลิตภัณฑ์ด้วยตนเอง ให้เกิดความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์

ธุรกิจ เครือข่ายนั้น เต็มไปด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพที่ให้ผลแก่ผู้บริโภคไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ ที่รักษาสุขภาพ เครื่องใช้ต่าง ๆ ภายในเครือเรือนก็มีแล้วแต่บริษัท คุณจะต้องทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ด้วยตนเอง จึงจะทราบถึงประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์นั้น ๆ อย่างแท้จริง ฉะนั้นหน้าที่ข้อที่ 1 ของนักธุรกิจ MLM จึงไม่ใช่เรื่องยาก จงรักผลิตภัณฑ์ที่คุณจำหน่าย เป็นลูกค้าที่ดีที่สุดของตัวคุณเองใช้ผลิตภัณฑ์ ด้วยตัวของคุณเอง

2. แนะนำผลิตภัณฑ์แก่บุคคลอื่น เรียกง่าย ๆ ก็คือการขายนั่นแหละ

มัน ไม่ใช่เรื่องยากที่จะแนะนำเลยในเมื่อคุณได้ผ่านข้อ 1 มาแล้ว คุณได้ผ่านการใช้มาแล้ว คุณได้ใช้แล้วเกิดผลต่อคุณ มันไม่ใช่เรื่องยากเลยในเมื่อคุณเองก็ได้ทำอยู่ตลอดเวลาอย่างเช่นเมื่อคุณ ได้ไปรับประทานอาหารที่เอร็ดอร่อยถูกปากเป็นเรื่องธรรมดาที่คุณจะบอกต่อ หรือ เราไปเที่ยวที่ไหนสักแห่งมันประทับใจมากเลยมันก็เป็นเรื่องธรรมดาเช่นเคยที่ คุณจะบอกต่อเช่นเดียวกัน


3. การสปอนเซอร์บุคคลอื่นเข้าร่วมในธุรกิจของคุณ

ข้อ นี้เป็นเสน่ห์ของธุรกิจเครือข่าย และทำให้ธุรกิจ MLM เป็นธุรกิจที่ทรงพลังอย่างมหาศาล เพราะการ สปอนเซอร์ คนเข้าร่วมธุรกิจคือการทำให้การขายของ
เรามีลักษณะเป็นทวีคูณ แทนที่เราจะขายคนเดียวแต่เราหาคนมาช่วยขาย
คนที่มาช่วยขายเขาก็เต็มใจเพราะว่าเขาถือว่านี่เป็นธุรกิจของเขา
เขาได้รับค่าตอบแทนหรือผลประโยชน์ไปอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยจากน้ำพักน้ำแรง
ของ เขาอย่าเต็มที่ ความยากก็คือจะหาเพชรเม็ดงามมาร่วมเครือข่ายเราได้อย่างไร ความยากอีกอย่างของสปอนเซอร์ คนเข้าร่วมธุรกิจคือ คือการที่เป็นพี่เลี้ยง
เป็นแบบอย่าง คอยสนับสนุนส่งเสริมคนที่เราเชิญมาร่วมทีม
ธุรกิจ ไม่ใช่การบีบบังคับ และการคะยั้นคะยอบุคคลใดให้ทำอย่างหนึ่งอย่างใดด้วยความเกรงใจ แต่ธุรกิจ MLM เป็นการแนะนำในการทำธุรกิจ และปล่อยให้บุคคลนั้น เป็นผู้ตัดสินใจ MLM เป็นธุรกิจของการเฟ้นหาตัวบุคคล เมื่อคุณได้แนะนำบุคคลเข้าร่วมธุรกิจ คุณมีความรับผิดชอบที่จะต้อง ให้บุคคลเหล่านั้นได้เรียนรู้วิธีการทำงานของคุณ และสิ่งที่คุณจะต้องสอนเขาคือ หน้าที่ 5 ประการข้างต้น คือ

1. ใช้ผลิตภัณฑ์ รักผลิตภัณฑ์ของตนเอง

2. แนะนำผลิตภัณฑ์แก่บุคคลอื่น

3. สปอนเซอร์ผู้มุ่งหวังเข้าสู่ธุรกิจ

4. การบริการลูกค้า และการส่งเสริมช่วยเหลือลูกทีม

5. ศึกษาเรียนรู้ พัฒนาตนเองอยู่เสมอ

4. การบริการลูกค้า และการส่งเสริมช่วยเหลือลูกทีม

ภารกิจ ในข้อนี้หมายความรวมทั้งการบริการลูกค้าและการบริการลูกทีม ซึ่ง ในช่วงแรก ๆ เรายังไม่มีทีมงานอัตราส่วนการบริการลูกค้าจะมีมากกว่าแต่ในระยะยาวเมื่อ เครือข่ายเพิ่มมากขึ้นสัดส่วนในการให้บริการลูกค้าก็จะลดลง งานส่วนใหญ่ของเราก็จะเป็นการบริหารทีมงานให้แข็งแกร่ง การหนุนและช่วยเหลือลูกทีมให้สร้างทีมและองค์กรเครือข่ายของเขาเองให้เข้ม แข็ง ซึ่งถือเป็นความรับผิดชอบของเราที่เป็นแม่ทีม

5. การศึกษาหาความรู้และการพัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลา

ต้อง ถือว่าเป็นภารกิจหลักในการทำธุรกิจ MLM เพราะ ว่าเป็นธุรกิจที่ใครก็เข้ามาทำได้ ไม่มีการจำกัดพื้นฐานการศึกษาหรือพื้นความรู้ไม่จำกัดว่าเราจะเรียนจบมาจาก สาขาวิชาไหน ไม่มีการจำกัดเรื่องอายุ เพศ ไม่จำกัดเรื่องทุนทรัพย์ ความรวยหรือความจน ไม่จำกัดเรื่องสถานะเดิม ๆ เรียกว่าไม่มีข้อจำกัดใด ๆ เลยก็ว่าได้ ซึ่งก็นับว่าเป็นจุดเด่นอันเป็นจุดแข็งของธุรกิจนี้ที่เปิดโอกาสให้ทุกคน อย่างเท่าเทียมกันที่จะสามารถประสบความสำเร็จในธุรกิจนี้ ดังนั้นทุกคนเมื่อเข้ามาต้องมีการศึกษาหาความรู้และพัฒนาตนเองเพื่อยกระดับ ให้เป็นมาตรฐานในระดับที่ดีให้มีความเป็นมืออาชีพ

ข้อที่ 3 วัตถุประสงค์ (Objective)

ยุทธศาสตร์ หลักอีกประการคือการกำหนดวัตถุประสงค์ให้กับตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดไว้ในใจหรือเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรก็ตามทีจะต้องถาม ตัวเองและตอบตัวเองให้ชัดว่า การเข้ามาทำธุรกิจ MLM นี้ ตัวเองมีวัตถุประสงค์เพื่ออะไร จริงๆแล้วตัวเองต้องการอะไรกันแน่ในชีวิตโดยทั่วไปแล้วทุกคนต่างมีวัตถุ ประสงค์ในการทำงานแตกต่างกัน ซึ่งอาจแยกเป็นขั้นได้ดังนี้

1. ทำงานเพียงเพื่อให้มีชีวิตรอด
2. ทำงานเพื่อต้องการเสพสุข
3. ทำงานเพื่อหลักประกันในอนาคต
4. ทำงานเพื่อแสดงศักยภาพของตนเอง
5. ทำงานเพื่ออุดมการณ์

ข้อที่ 4 เป้าหมาย (Goal)

การ ที่เราจะทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จเราต้องมีการตั้งเป้าหมาย ต้องกำหนดไปเลยให้ชัดเจนว่าเราต้องการเงินเท่าไหร่ ในเวลาเท่าไหร่ เราต้องการบ้านแบบไหน ขนาดไหน ราคาเท่าไหร่ รถยี่ห้ออะไรก็ว่ากันไป เราจะขึ้นตำแหน่งในแต่ละระดับตามแผนการตลาดขององค์เมื่อไหร่ วันไหน อย่าทำงานเรื่อยเปื่อยไปวัน ๆ เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นแหละ ต้องมีการแบ่งเป้าหมายออกเป็นระยะสั้น ระยะยาว เป้าหมายเฉพาะหน้า หลับตาให้เห็นภาพอนาคต ห้าปีหรือ สิบปี เราจะยืนอยู่ตรงจุดไหน เป้าหมายที่ดีควรจะครอบคลุมในทุกด้านของชีวิต พอจะขยายความได้ดังนี
1. เป้าหมายที่ต้องมีความเฉพะเจาะจง
2. เป้าหมายที่ดีต้องวัดได้
3. เป้าหมายที่ดีต้องสามารถเอื้อมถึง
4. เป้าหมายที่ดีต้องไม่เพ้อเจ้อ เพ้อฝัน
5. เป้าหมายที่ดีต้องมีกรอบเวลาที่บรรลุ

ข้อที่ 5 กลยุทธ์ (Strategy)

กลยุทธ์ในการทำงานในธุรกิจ MLM นั้น ขอเสนอดังนี้

1. ทำอย่างอดทน
2. ทำอย่างมุ่งมั่น
3. ทำอย่างศรัทธา
4. ทำอย่างฉลาด
5. ทำอย่างมืออาชีพ
6. ทำด้วยความเสียสละ
7. ทำอย่างมีคุณธรรม

ข้อที่ 6 แผนปฏิบัติการ (Planning)

ใน การทำธุรกิจนั้นไม่ว่าจะเป็นธุรกิจเครือข่าย MLM หรือ ธุรกิจอื่น ๆ ก็แล้วแต่ จะต้องมีการวางแผนปฏิบัติการอย่างเป็นขั้นเป็นตอนเพื่อสามารถบรรลุเป้าหมาย ต่าง ๆ ที่ได้ตั้งไว้ เราจะเริ่มต้นอย่างไร ทำอะไรบ้าง เรายังขาดอะไรที่จะต้องเรียนรู้เพิ่มเติม แผนปฏิบัติการนี้เราจะต้องวางไว้ทั้ง แผนรายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน ราย 3 เดือน ราย 5 เดือน และรายปี หรือ 5 ปี ไปนั่นเลย และจะต้องมีการประเมินผลตรวจสอบสม่ำเสมอ เราต้อง ถามตัวเองว่าวันนี้เราทำอะไรไปบ้างตามแผนปฏิบัติการที่วางไว้หรือไม่ หมั่นประเมินแผนว่าแผนใดใช้ได้ผลใช้ไม่ได้ผล และพร้อมที่ยืดหยุ่นปรับเปลี่ยนแผนปฏิบัติการได้เสมอ ถ้าจำเป็น

ข้อที่ 7 ลงมือทำ (Doing/Action)

เป็น ข้อที่สำคัญที่สุดเลยก็ว่าได้นะครับ เพราะมันจะมีประโยชน์อะไรหละ ถึงแม้เราจะมีการวางแผนแบบขั้นเทพมาแล้ว มีวิสัยทัศน์กว้างไกลขนาดใหน แจ่มแจ้งแดงแจ๋ขนาดใหน มีเป้าหมายยิ่งใหญ่ด้วยแถมแผนปฏิบัติการก็ชัดเจนเป็นรูปธรรมสุด ๆ แต่ไม่มีการลงมือทำ ขอบอกครับไร้ประโยชน์ครับ



จรัส สีทะจันทร์
ปณิทาน : ยิ่งให้ยิ่งได้

Comment อันยอดเยี่ยมของคุณมีค่า กรุณาแบ่งปันให้คนอื่นได้รับรู้
และอย่าลืมแบ่งปันบทความที่ดีนี้ให้เพื่อน ๆ รับรู้ คลิกแบ่งปันที่ Icon ด้านล่างเพื่อแบ่งปันบทความนี้